จากบทความก่อนเราได้ทำการแนะนำเจ้าตัว Saramonic blink 500 กันไปแล้ว ว่าเป็นไมค์ไร้สายสำหรับถ่าย Vlog ที่หลายคนเลือกใช้ เพราะเป็นไมค์ขนาดเล็ก ให้เสียงที่ดี ใช้งานได้ง่าย สามารถซ่อนในเสื้อผ้าได้ ส่วนตัว Saramonic blink 500 Pro ก็มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ไม่มีในรุ่นโปร แถมยังสามารถส่งสัญญาณได้ไกล สามารถรับเสียงได้หลายทิศทาง ไมค์ตัวนี้มีให้เลือกถึง 2 รุ่นทั้ง Saramonic blink 500 กับ Pro ไมค์ไร้สายรุ่นปกติ หรือ รุ่นโปรแตกต่างกันอย่างไร รุ่นใหม่มีการอัปเดตอะไรบ้าง ใครที่อยากได้วิดีโอเสียงดี คุณภาพเสียงมีความโปรมากยิ่งขึ้นแนะนำสองรุ่นนี้เลย ส่วนใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหน วันนี้ Aquapro เลยจะมาแนะนำว่าตัวไหนเหมาะกับใคร ซื้อรุ่นธรรมดาดีไหม หรือ อัปไปรุ่นโปรเลยดีกว่า อยากรู้ไปอ่านบทความเลย!!!
เทียบกัน Saramonic blink 500 กับ Pro รุ่นไหนมีอะไรดี
หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าสองรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกัน โดยรุ่นโปรจะเป็นรุ่นที่ได้ทำการอัปเดต และ พัฒนาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นจากรุ่นเดิม จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไปดู
ดีไซน์ตัวเครื่อง
หากดูภายนอกจะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นมีดีไซน์ และ ลักษณะภายนอกคล้ายกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันอยู่นั่นก็คือ
รูปร่างของไมค์
- Saramonic blink 500 ไมค์จะมีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบมน มีทั้งตัวส่ง และ ตัวรับ ในส่วนของตัวส่ง จะมีน้ำหนักประมาณ 34g มีขนาด 63 × 43 × 16.5 mm ตัวเครื่องจะมีปุ่มกลมๆ อยู่ตรงกลางซึ่งจะใช้ในการเปิด-ปิด และ มีไฟที่ใช้ในการบอกสถานะการทำงาน มีตัวหนีบอยู่ที่ด้านหลังไมค์ใช้สำหรับหนีบเข้ากับเสื้อผ้า และ ตัวรับจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 26g ขนาด 62×33×15.5 mm รูปทรงของตัวรับจะคล้ายกับตัวส่งแต่จะมีขนาดที่ผอมมากกว่า ส่วนปุ่มของตัวรับจะมีสีแดง และ ไม่มีไฟแสดงสถานะไฟแบบตัวส่ง
- Saramonic blink 500 Pro จะมีรูปทรงที่คล้ายกันมากเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขอบมน ตัวส่งจะมีน้ำหนัก 32g มีขนาด 56.5×38×26.1 mm มาพร้อมหน้าจอแสดงผลที่ใช้ในการบอกสถานะแบบ OLED ใช้บอกการทำงานต่างๆ แบตเตอรี่ และ มีปุ่มสั่งงานอยู่ข้างๆ ตัวหนีบข้างหลังก็ยังมีอยู่ ตัวรับน้ำหนักประมาณ 16.5g มาพร้อมขนาด 31×82×12 mm ส่วนของหน้าจอ และ ปุ่มก็จะเหมือนกับตัวส่ง รวมทั้งขนาดของตัวส่งตัวรับก็จะพอๆ กัน
ทั้งสองรุ่นมีรูปร่างที่คล้ายกัน นอกจากนั้นตัวของไมโครโฟนจะมีช่อง 3.5 mm สำหรับเชื่อมต่อไมโครโฟนภายนอกอีกด้วย แต่ทางด้านของ Saramonic blink 500 Pro จะมีหน้าจอแสดงสถานะเพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถดูสถานการใช้งานได้ง่ายกว่า มอนิเตอร์การทำงานแบบเรียลไทม์ได้ สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น แถมยังมีน้ำหนักที่เบากว่าตัวปกติอีกด้วย แต่ทางด้าน Saramonic blink 500 จะทำได้แค่เปิดปิดเท่านั้นแต่ไม่สามารถดูสถานการใช้งานได้
แบตเตอรี่ และ เคสชาร์จ
- ทางด้าน Saramonic blink 500 สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมง และ จะใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ผ่านสาย USB-C โดยสามารถชาร์จได้ทีละอันเท่านั้น
- ส่วนSaramonic blink 500 Pro แบตจะมีความอึดมากยิ่งขึ้น สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง แต่รุ่นนี้ได้มีการอัปเกรดการชาร์จแบตเตอรี่ให้ง่ายมากขึ้นด้วย เคสชาร์จที่เพียงแค่วางไมค์ลงไปก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เลย มาพร้อมกับความจุถึง 2000 mAh โดยขณะที่ชาร์จหน้าจอของไมค์ก็จะทำการแสดงสถานะแบตเตอรี่ที่กำลังชาร์จได้ด้วย และ ในส่วนข้างกล่องชาร์จก็จะมีไฟแสดงสถานะของแบตเตอรี่เคส รวมทั้งปุ่ม Pair ที่ทำให้สามารถจับคู่ตัวส่ง และ ตัวรับได้ง่ายมากขึ้น
ทางด้านรุ่น Saramonic blink 500 Pro จะสามารถใช้งานได้ยาวนานมากกว่า และ สามารถทำการชาร์จแบตในเคสชาร์จได้ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องมากขึ้น และ ยังสามารถทำการจับคู่ได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิมอีกด้วย
สเปคของไมโครโฟน
นอกจากรูปร่างแล้ว ทั้งสองรุ่นก็ยังมีสเปคที่แตกต่างกัน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
สัญญาณ
- Saramonic blink 500 ใช้ความถี่ของสัญญาณที่ 2.4 GHz และ มีความถี่เสียงอยู่ที่ 50 Hz – 18 KHz ให้ความถี่ของสัญญาณที่ค่อนข้างไกล สามารถส่งสัญญาณได้ในระยะ 50 เมตร
- Saramonic blink 500 Pro จะใช้ความถี่ของสัญญาณ และ ความถี่เสียงเหมือนกันกับรุ่นปกติ แต่ในระยะของของสัญญาณจะไกลกว่าในรุ่นปกติ ในรุ่นโปรสามารถส่งสัญญาณได้ถึง 100 เมตรเลยทีเดียว
คุณภาพของเสียง
- ในส่วนของเสียงSaramonic blink 500 สามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้ครบ ตัดเสียงรบกวนได้ดี เพราะตัวไมค์เป็นแบบคอนเดนเซอร์ ที่รับเสียงได้หลายทิศทาง สามารถปรับระดับของเสียงที่ตัวไมค์ได้ 3 ระดับ ซึ่งจะน้อยกว่าตัวโปร
- แต่ว่าตัวSaramonic blink 500 Pro จะมีรูปแบบของเสียงที่ต่างกัน เพราะสามารถเลือกได้ถึง 2 แบบ ทั้ง Mono ที่เสียงจะออกทั้งด้านซ้าย-ขวา และ Stereo ที่สามารถแยกเสียงด้านซ้าย-ขวาได้ นอกจากนั้นยังสามารถทำการปรับระดับเสียงได้มากกว่า ปรับได้ถึง 6 ระดับเลยทีเดียว
รุ่นไหนเหมาะกับใคร ?
- หากคุณเป็นคนที่ชอบการใช้งานที่ง่าย ขอแนะนำรุ่น Saramonic blink 500 Pro เลย เพราะมาพร้อมจอแสดงสถานะการใช้งาน อีกทั้งในเรื่องของเสียง ระยะการรับสัญญาณก็ดีกว่า ทำให้ง่ายต่อการถ่ายวิดีโอ ถ่ายVlog ที่ต้องการเสียงที่ดีมีคุณภาพ ทำให้สามารถมอนิเตอร์เสียงได้ดี อีกทั้งยังมาพร้อมเคสชาร์จที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ทันทีก็ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องมากกว่า
- แต่ถ้าใครไม่ได้เน้นว่าต้องดูสถานะของเสียง หรือ เน้นแค่ใช้สำหรับถ่ายรีวิว ถ่ายไลฟ์ ถ่ายสตรีม ถ่าย Vlog หรือ ถ่ายสัมภาษณ์หลายๆ คน รุ่นSaramonic blink 500 ก็ยังถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้อยู่ แต่ถ้าใครที่มีงบประมาณก็แนะนำให้ทำการอัปไปรุ่นโปรเลยจะดีกว่า!!!
>>อ่าน Saramonic Blink 500 Pro vs Rode Wireless Go 2 ได้ที่นี่<<
เลือกซื้อ Saramonic Blink 500 และ Pro อุปกรณ์เสริมที่Aquapro
คุ้มสุดซื้อ ไมค์Saramonic blink 500 Pro รวมทั้งกล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริมอื่นๆ กับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติมที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!! ติดตามได้ตาม link ด้านล่างเลย
>> GoPro Club กลุ่มสำหรับคนรักกล้องโกโปร <<
ติดตามและสั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro