Gopro 11 vs Dji action 3 เลือกไม่ถูก ให้ Aquapro ช่วย

บอกหมดไม่มีกั๊ก! Gopro 11 vs Dji Action 3 เลือกไม่ถูก ให้ Aquapro ช่วย

เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีกล้องแอคชั่นแคมเปิดตัวถึง 2 รุ่น! นั่นก็คือ Gopro 11 และ Dji action 3 ในการกลับมาครั้งนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ทาง Aquapro ได้เตรียมข้อมูลมาเปรียบเทียบสเปคการใช้งาน ระหว่าง Gopro 11 vs Dji action 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้ไว้ให้แล้ว จะมีความพิเศษอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลย


Gopro 11 vs Dji action 3 ราคาเท่าไร ?

หลังจากการกลับมาของ GoPro ในปีนี้ ได้เปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา สำหรับ “GoPro 11” โดยราคาเปิดตัวอยู่ที่ 18,500 บาท

ส่วน “DJI Osmo Action 3” กลับมาใช้ดีไซน์แบบเดิม แต่ได้นำเอาคำว่า Osmo Action กลับมาใช้อีกครั้ง! และมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพไม่แพ้กล้อง GoPro โดยเปิดตัววางจำหน่ายวันเดียวกับ GoPro 11 ในราคาเริ่มต้นที่ 12,500 บาท

 

ดีไซน์ของกล้อง ทั้ง 2 รุ่น

ดีไซน์ของกล้อง ทั้ง 2 รุ่น

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องสเปคการใช้งาน เราไปดูเรื่องรูปทรงภายนอกของกล้อง Action Cam ทั้ง 2 รุ่น กันก่อนว่าจะเป็นอย่างไร?

สำหรับ Gopro 11 ดีไซน์ของตัวกล้องมาในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า 71.8×33.6×50.8 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 154 กรัม พร้อมหน้าจอ LCD ด้านหน้ากว้าง 1.4 นิ้ว หน้าจอด้านหลังกว้าง 2 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ทางด้านข้างของตัวเครื่องมีฝาเปิดเพื่อใส่แบตเตอรี่ เมมโมรี่การ์ด และมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ HDMI หรือ USB-C ในฝั่งเดียว ส่วนอีกด้าน คือ ปุ่ม เปิด/ปิดเครื่อง และ เปลี่ยนโหมดการทำงานกล้อง ส่วนด้านบน คือ ปุ่มชัตเตอร์

การเปิดตัวครั้งนี้ของ DJI Osmo Action 3 แตกต่างจาก DJI Action 2 อย่างสิ้นเชิง เพราะครั้งนี้ทาง DJI ได้เปลี่ยนดีไซน์มาในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาด 70×44×31.8 มิลลิเมตร น้ำหนักเพียง 145 กรัม มีหน้าจอ LCD ด้านหน้ากว้าง 1.4 นิ้ว ด้านหลังกว้าง 2.25 นิ้ว ควบคุมด้วยระบบสัมผัส

ด้านข้างของกล้อง DJI Action 3 มีช่องใส่แบตเตอรี่ และ เมมโมรี่การ์ด ส่วนอีกด้าน คือ ปุ่มเปิด/ปิด และ ช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ HDMI หรือ USB-C ดังนั้นหมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่ร่วงหล่นระหว่างเสียบสายชาร์จไปได้เลย ส่วนปุ่มชัตเตอร์อยู่ด้านบนเช่นเดียวกับ GoPro

กล้องรุ่นไหน จับถนัดมือมากกว่ากัน?

ความโดดเด่นของกล้องลักษณะ Action Camera คือ มีขนาดเล็ก พกพาง่าย และ มีคุณสมบัติที่ครบครัน ซึ่งถือว่า GoPro 11 และ DJI Action 3 สามารถตอบโจทย์ในข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เรื่องการดีไซน์ของกล้อง 2 รุ่นนี้ มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็กจับถนัดมือ

รวมถึงมีปุ่มการใช้งานที่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมต่างๆ สำหรับติดตั้งมาให้ภายในกล่อง แต่สำหรับ DJI อุปกรณ์เสริมสามารถยึดติดกับตัวเครื่องด้วยแม่เหล็กได้ทันที เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน

รูปแบบการดีไซน์ ของ GoPro 11 และ DJI Action 3

โดยรวมแล้วการดีไซน์ของ GoPro และ DJI มีความกะทัดรัด วัสดุของตัวกล้องมีความทนทานสูง และมีฟังก์ชันที่หลากหลาย ดังนั้นการดีไซน์ของกล้อง จึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการเดินทาง ผจญภัยธรรมชาติ หรือ ทำกิจกรรมแบบโลดโผน เพื่อเก็บภาพในช่วงเวลานั้นๆ ได้อย่างเต็มที่


สเปคที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง?

มาถึงส่วนไฮไลท์ของบทความนี้กันแล้ว! เพราะในหัวข้อนี้เราจะมาเปรียบเทียบสเปคระหว่าง Gopro 11 vs Dji action 3 ในแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติ และความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลย!

ขนาดเซนเซอร์ Gopro 11 vs Dji action 3

ขนาดเซนเซอร์ Gopro 11 vs Dji action 3

ขนาดเซนเซอร์ ถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่สุดภายในกล้องดิจิตอล ดังนั้นการมีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่จะช่วยให้ไฟล์ภาพถ่าย และ วิดีโอมีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

  • GoPro 11 มีขนาดเซนเซอรอยู่ที่ 1/1.9 นิ้ว
  • Dji Osmo action 3 มีขนาดเซนเซอรอยู่ที่ 1/1.7 นิ้ว

การถ่ายวิดีโอ

การถ่ายวิดีโอในยุคนี้มีลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา จึงทำให้สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ยิ่งเป็นกล้องที่มีคุณสมบัติเรื่องสี และ มีความละเอียดสูง ยิ่งทำให้ภาพภายในวิดีโอดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

  • GoPro 11 การถ่ายวิดีโอมีความละเอียดอยู่ที่ 5.3K 60fps, 4K 120fps และ 2.7K 240FPS ขนาดสเกลภาพ 8:7 มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั่นคือ 10-bit color depth หรือโปรไฟล์สีที่เพิ่มขึ้นเป็น 1 พันล้านเฉดสี
  • Dji Osmo action 3 การถ่ายวิดีโอมีความละเอียดอยู่ที่ 4K 120fps และโปรไฟล์สี 8-bit หรือเทียบเท่ากับ 16 ล้านเฉดสีอยู่ในระดับทั่วไป

จะเห็นได้ว่าทาง GoPro 11 มีความโดดเด่นอย่างมากในเรื่องของโปรไฟล์สี ซึ่งคุณสมบัติของ 10-bit คือ การเพิ่มเฉดสีในไฟล์วิดีโอ คุณสามารถนำไปแต่งเพิ่มได้อีกหลายเฉดสี เพื่อให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น

การถ่ายภาพนิ่ง

นอกจากการบันทึกวิดีโอแล้ว การถ่ายภาพก็ยังคงจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยว และ ผู้ที่ใช้สำหรับถ่าย Content Creator อยู่เช่นเดียวกัน ทั้ง GoPro และ DJI มีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • GoPro 11 ความละเอียดอยู่ที่ 27 ล้านพิกเซล รองรับไฟล์ Raw คุณภาพสูง และสามารถครอบภาพจากวิดีโอที่ความละเอียด 24.7 ล้านพิกเซล
  • Dji Osmo action 3 มีความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพไฟล์ Raw และสามารถถ่ายภาพในแนวตั้งได้ ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน Social Media ไม่แพ้ GoPro

เนื่องจาก GoPro Hero 11 มีคุณภาพไฟล์ที่สูงกว่า DJI Action 3 จึงสามารถใช้งานหลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็นการครอบภาพ, ทำการ Live Steam หรือการนำไปใช้ในแพลตฟอร์มอื่นๆ

ระบบกันสั่น และ กันภาพเอียง

สิ่งสำคัญที่กล้องสำหรับขาลุยต้องมีคือ HyperSmooth และ Horizon Leveling นั่นเอง เพื่อช่วยให้การถ่ายวิดีโอเกิดความคมชัด และไม่ทำให้ภาพเกิดการสั่นไหว

  • GoPro 11 GoPro รุ่นนี้มาพร้อมกับระบบกันสั่น HyperSmooth 5.0 และ Horizon Lock 360 องศา
  • Dji Osmo action 3 มีระบบกันภาพสั่นไหวแบบ EIS2 + RockSteady 3.0 และ ระบบป้องกันการเกิดภาพเอียง คือ Horizon Balancing + Horizon Steady

หากพูดถึงกล้องแอคชั่นแคมรุ่นใหม่ โหมดระบบกันสั่น และ ตัวช่วยรักษาระดับเส้นขอบฟ้าของกล้อง 2 รุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีทั้งคู่ แม้ว่าชื่อจะต่างกันแต่มีคุณสมบัติไม่ต่างกัน ต้องบอกเลยว่าความสามารถในเรื่องนี้ไม่มีใครยอมใคร

การถ่าย Slow Motion ของ Gopro 11 vs Dji action 3

การถ่าย Slow Motion ของ Gopro 11 vs Dji action 3

การถ่ายโหมด Slow Motion ฟีเจอร์ที่ทำให้วิดีโอของคุณดูมีชีวิตชีวา เน้นอารมณ์ สร้างสรรค์ให้ภาพดูมีความแตกต่าง

  • GoPro 11 สามารถถ่าย Slow Motion ได้สูงสุด 8 เท่า บนความละเอียด 2.7K 240fps ถ้าต้องการความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า สามารถเลือกถ่ายบนความละเอียด 4K 120 fps ได้
  • Dji Osmo action 3 สามารถถ่าย Slow Motion ได้สูงสุด 8 เท่า บนความละเอียด Full HD ที่ 240fps และสามารถปรับความละเอียดเป็น 4K 120fps ได้เช่นเดียวกัน

Timelapse กับ Hyperlapse

โหมดนี้เป็นการถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา Timelapse  คือ การตั้งกล้องถ่ายวิดีโออยู่กับที่ ส่วน Hyperlapse ใช้หลักการถ่ายเหมือนกับ Timelapse แต่เคลื่อนไหวไปด้วย โดยทาง GoPro มีชื่อเรียกเฉพาะคือ TimeWarp

  • GoPro 11 มีโหมด Timelapse และ TimeWarp 3.0 นอกจากนี้ยังมีโหมด All Night Effect เพิ่มเข้ามาด้วย ได้แก่ Star Trails, Light Painting และ Vehicle Light Trails
  • Dji Osmo action 3 มีโหมด Timelapse และ Hyperlapse บนความละเอียด 4K

ความสามารถในการกันน้ำ

นอกจากเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ภายในเครื่องแล้ว มาพูดถึงเรื่องความทนทานของตัวกล้องกันบ้าง กล้องทั้ง 2 รุ่น มีความสามารถในการกันน้ำโดยไม่ต้องใส่ Housing ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของกล้องขนาดพกพา มากความสามารถอย่าง GoPro และ DJI

  • GoPro 11 สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 10 เมตร แบบไม่ต้องใส่ Housing
  • Dji Osmo action 3 สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 16 เมตร แบบไม่ต้องใส่ Housing

การ Live Stream

ความสามารถในด้านการ Live Stream ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการไลฟ์ หรือทำการใช้งานผ่าน Webcam

  • GoPro 11  รองรับความละเอียดสูงสุด 1080p Full HD ให้ภาพที่คมชัด มีการเชื่อมต่อสัญญาณได้อย่างรวดเร็ว และ สามารถส่งข้อมูลขึ้น Cloud อัตโนมัติ
  • Dji Osmo action 3 รองรับความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 720p HD ถ้าหากต้องการความละเอียดเพิ่มขึ้น สามารถนำกล้อง DJI เชื่อมต่อกับกล่อง Capture Card แล้วทำการ Live ผ่านโปรแกรม OBS บนโทรศัพท์มือถือ

แบตเตอรี่ ของ Gopro 11 vs Dji action 3

แบตเตอรี่ ของ Gopro 11 vs Dji action 3

แบตเตอรี่ คือ หัวใจสำคัญของการใช้งานกล้อง โดยเฉพาะเรื่องของความจุ และความทนทานของแบตเตอรี่ ซึ่งคุณสมบัติของกล้องทั้ง 2 รุ่น มีดังนี้

  • GoPro 11 มาพร้อมกับ Enduro Battery มีความทนทานต่อสภาพอากาศ และมีความจุ 1720 mAh สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 120 นาที
  • Dji Osmo action 3 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียม  มีความจุอยู่ที่ 1770 mAh สามารถใช้งานได้สูงสุด 160 นาที รวมถึงรองรับการชาร์จไว โดยสามารถชาร์จ 0-80% ภายในเวลา 18 นาที

หากเปรียบเทียบในเรื่องของแบตเตอรี่ แน่นอนว่า DJI สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความทนทานต่อสภาพแวดล้อม GoPro Hero 11 ถือว่าทำได้ดีกว่า

อุปกรณ์เสริมอื่นๆ

ในส่วนของอุปกรณ์เสริม ขอบอกเลยว่าทั้ง 2 รุ่น จัดเต็มมาพอๆ กัน ไม่ว่าจะใช้ถ่ายภาพ หรือ ถ่ายวิดีโอรูปแบบไหนก็เอาอยู่!

  • GoPro 11 อุปกรณ์เสริม ได้แก่ GoPro Media Mod, GoPro Light Mod และ Max Lens Mod
  • Dji Osmo action 3 สำหรับอุปกรณ์เสริมของ DJI ได้แก่ อุปกรณ์เสริมสำหรับชุดดำน้ำ อุปกรณ์สำหรับการติดตั้ง และไม้เซลฟี่

อุปกรณ์เสริมของแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความถนัดในการใช้งาน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความหลากหลายต้องยกให้ GoPro เพราะอยู่ในตลาดกล้องแอคชั่นแคมมานาน ที่สำคัญยังสามารถหาซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ง่ายกว่าอีกด้วย

 

Gopro 11 vs Dji action 3 เหมาะกับใคร

หลังจากที่ได้เปรียบเทียบสเปคกล้อง Gopro Hero 11 Black และ DJI Osmo Action 3 กันไปแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำความเหมาะสมต่อการใช้งานของกล้องแต่ละรุ่น

เริ่มต้นด้วย GoPro 11 รุ่นนี้ถูกปรับปรุงให้ เหมาะสำหรับการใช้งานแบบ Content Creator สามารถนำไปรีเฟรม เพื่อใช้งานกับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้หากเลือกซื้อในชุด Combo Set ที่มาพร้อมกับ Light Mod, Media Mod รวมถึง GoPro Volta อุปกรณ์เสริมเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์งานออกมาได้ดียิ่งขึ้น

ส่วน DJI Osmo Action 3 เป็นกล้องแอคชั่นแคมที่สามารถลุยได้ทุกที่ ตัวกล้องมีความทนต่อสภาพอากาศ หนาวเย็นถึง -20°C และกันน้ำได้ลึกสูงสุด 16 เมตร แบบไม่ต้องใส่อุปกรณ์เสริม กล้องรุ่นนี้เหมาะสำหรับสาย Content Creator เช่นกัน เพราะทาง Osmo 3 มีแอปตัดต่อวิดีโอ LightCut ที่พร้อมแชร์ได้ทันทีผ่าน Wifi และ Bluetooth

แม้ว่าคุณสมบัติบางอย่าง GoPro 11 จะทำได้ดีกว่า อย่างเช่น เรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อย แต่เมื่อ DJI ถ่ายภาพในที่ที่มีแสงเพียงพอกลับมีภาพที่สวยกว่า ดังนั้นเมื่อมีจุดเด่นก็ต้องมีจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าใช้งานได้ดีไม่แพ้กัน ที่สำคัญควรพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อการใช้งาน เพื่อคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

 

Aquapro แหล่งรวมกล้อง Action Cam ที่คุณต้องห้ามพลาด!

ถ้าหากคุณเป็นสายท่องเที่ยว หรือ สาย Content Creator แล้วต้องการกล้องตัวจิ๋วขนาดพกพา สำหรับข้อมูลการเปรียบเทียบดีไซน์ และ สเปคการใช้งานของ GoPro 11 vs DJI Osmo Action 3 ในบทความนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางให้กับคุณได้อย่างดีทีเดียว หากต้องการอุปกรณ์เสริมหรือตัวเลือกอื่นๆ ขอแนะนำ Aquapro แหล่งจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ มากมาย ที่สำคัญตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นชุดเซตสุดคุ้มสำหรับ GoPro 11 สาวกกล้องแอคชั่นแคมต้องห้ามพลาดเลย

 

 

ติดตาม และ สั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ๆ ได้หลากหลายช่องทางที่

Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand

GoPro Group : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro

บทความที่เกี่ยวข้อง