หลังจากที่ GoPro 11 เปิดตัวไปได้ไม่นาน ทางเราก็นำมารีวิวทันที! ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปถ่ายภาพและวิดีโอ สำหรับการเดินทาง 1 วันกับ GoPro 11 รีวิว เริ่มต้นช่วงเช้าของวันที่คาเฟ่ใกล้บ้านย่านลาดพร้าว อย่าง ฌอเฌอ คอฟ แล้วไปต่อช่วงบ่ายกันที่ สวนเบญจกิติ สวนสาธารณะใจกลางเมืองย่านอโศก พร้อมพกกล้องแอคชั่นตัวจิ๋วไปทดลองการใช้งานด้วย แล้วเดี๋ยวเรามาดูกันว่าการเดินทาง 1 วันของ Aquapro กับกล้อง GoPro 11 จะได้ภาพถ่ายและวิดีโอออกมาเป็นอย่างไร!
Design ของ GoPro 11
ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน เรามาพูดถึงดีไซน์ของตัวเครื่องกันก่อน GoPro Hero 11 Black รูปลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างจาก GoPro 10 แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ตัวเลขและตัวอักษรด้านข้างที่แตกต่างจากรุ่นก่อน และก้อนแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนเป็น แบตเตอรี่ Enduro สีขาว มีคุณสมบัติทนต่อทุกสภาพอากาศ สามารถยืดเวลาในการถ่ายวิดีโอได้ถึง 38% นอกจากนี้ยังมี Max Lens Mod ติดมากับตัวกล้อง สามารถถอดออกได้ คุณสมบัติของเลนส์ชนิดนี้จะช่วยป้องกันภาพสั่นไหวทั้งแนวตั้ง และแนวนอนทำให้ภาพที่ได้นิ่งขึ้น ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มมุมมองภาพให้กว้างมากกว่าเลนส์ปกติ
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่อง มาพร้อมกับ Bettery Enduro, Mounting Buckle, สาย USB Type C, Thumb Screws และ Curved Adhesive Mount ที่ยึดติดกับหมวกกันน็อค จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ และรูปทรงของกล้องเหมือนกับ GoPro 9 และ GoPro 10 ซึ่งข้อดีของการที่ไม่ได้เปลี่ยนดีไซน์ คือ สามารถใช้อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ร่วมกันได้ แต่ถึงแม้ว่าภายนอกจะมีดีไซน์ที่เหมือนกัน แต่สเปคภายในได้พัฒนามากขึ้นกว่ารุ่นเดิมอยู่พอสมควร
GoPro 11 รีวิว ระบบการทัชสกีน
หลังจากที่พูดถึงเรื่องดีไซน์แล้ว มาต่อกันในส่วนของขนาดหน้าจอและระบบทัชสกรีนของ GoPro 11 โดยหน้าจอกล้องหน้า LCD มีขนาด 1.4 นิ้ว จอหลัง 2 นิ้ว มีความคมชัด สบายตา และมีขนาดตัวหนังสือที่ไม่เล็กจนเกินไป สามารถควบคุมระบบสัมผัสทั้งสองจอได้ด้วยเสียง และหลังจากที่ได้ลองใช้งานกล้องโกโปร 11 รู้สึกว่าความสมูท และความเร็วของระบบสัมผัสไม่แตกต่างจาก GoPro 10 มากเท่าไหร่ แต่ในรุ่นโกโปร Hero 11 จะใช้ชิพ GP2 Processer ซึ่งสามารถประมวลผลไฟล์ได้เร็วยิ่งขึ้น
การใช้งาน UI โหมด Easy / Pro
การปรับเปลี่ยนโหมดภายในกล้องจะมีให้เลือก 2 โหมดนั่นก็คือ Easy Mode และ Pro Mode โดยความพิเศษของโหมด Easy คือ คุณสามารถควบคุมการใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งการถ่ายภาพและวิดีโอ เพราะระบบกล้องจะจัดโหมด Setting ที่ดีที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์ บอกเลยว่าสะดวกต่อการใช้งาน และเหมาะสำหรับมือใหม่เป็นอย่างมาก
ส่วน Pro เป็นโหมดที่ปลดล็อกทุกฟีเจอร์การใช้งานของกล้อง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ หรือวิดีโอก็มีฟีเจอร์ให้เลือกมากมาย พร้อมลูกเล่นต่างๆ ภายในกล้องอีกเพียบ สำหรับใครที่ต้องการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ แนะนำให้เลือกโหมดนี้เลย!
โหมดการถ่ายวิดีโอ
เริ่มต้นใช้งานกล้อง GoPro 11 รีวิว คาเฟ่ด้วยการถ่ายวิดีโอ หลังจากที่เราได้ลองใช้งานแล้ว รู้สึกได้ถึงความสดของสีที่เพิ่มขึ้น เพราะรุ่นนี้เขาเน้นเรื่องโปรไฟล์สี 10-bit color depth มีเฉดสีเพิ่มขึ้นหลายระดับ และช่วยทำให้ภาพภายในวิดีโอมีความสมูทมากยิ่งขึ้น
การถ่ายวิดีโอมาพร้อมเลนส์ 4 ระดับ ได้แก่ Hyperview, Superview, Wide และ Linear มีความละเอียดอยู่ที่ 5K60 fps, 4K120 fps และ 2.7K 240fps และเลนส์ Superview ความละเอียดที่ 5.3K 60 fps และ 4K 120 fps เรียกได้ว่าเก็บเรื่องราวภายในเฟรมได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว!!
GoPro 11 รีวิว ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้ก็คือ ขนาดของเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นถึง 1/1.9 นิ้ว พร้อมชิพประมวลผล GP2 Processor และขนาดภาพ 8:7 เป็นไซส์สี่เหลี่ยม นอกจากนี้ทาง GoPro Quik app ยังออกแบบมาเพื่อรองรับการถ่ายภาพแนวตั้งขนาด 9:16 รองรับการใช้งานบน Social Media อย่างเช่น TikTok และ Instagram เมื่อทดลองบันทึกภาพเป็นขนาด 8:7 แล้วนำมาครอปเป็นขนาด 9:16 ลงใน TikTok ทำให้เห็นว่าวิดีโอยังคงชัด และไม่หลุดเฟรม เรียกได้ว่าฟีเจอร์นี้ตอบโจทย์การใช้งานบนโซเชียลมีเดียได้อย่างครอบคลุมทีเดียว
การถ่ายวิดีโอมีโหมด Bit มาให้เลือกปรับ หากไม่ปรับจะอยู่ที่ 8 bit อัตโนมัติ แต่ถ้าหากปรับจะอยู่ที่ 10 bit โดยความแตกต่างระหว่าง 8 bit กับ 10 bit คือ เรื่องของ Color Bit Depth หรือ ความลึกของสี ยิ่งมีความลึกมากเท่าไหร่ ยิ่งสามารถเก็บรายละเอียดสีภายในภาพได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และจากภาพตัวอย่างที่เราได้ทำการถ่ายรีวิวไป คุณจะสามารถเห็นถึงความแตกต่างของสีได้อย่างชัดเจน
GoPro 11 รีวิว โหมดการถ่ายภาพ
ถึงแม้วันนี้จะมีอากาศครึ้มฝนแต่ GoPro 11 ก็เอาอยู่! เพราะภาพถ่ายที่ได้จากกล้องยังคงมีความคมชัด และสีสันที่สดใส เพราะโกโปรรุ่นนี้อัพเกรดขนาดเซนเซอร์เป็น 1/1.9 นิ้ว รองรับเก็บเฉดสีได้มากถึง 10-bit และขนาดภาพใหม่ 8:7 พร้อมความละเอียดอยู่ที่ 27 ล้านพิกเซล และโหมด Improve Auto Exposure ระบบเพิ่มความสว่างอัตโนมัติแม้อยู่ในที่แสงน้อย
โหมดถ่ายภาพสามารถปรับได้ 2 ระดับ คือ Wide และ Linear มีคุณภาพของไฟล์ให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ Raw, Standard, HDR และ Superphoto หากครอบภาพจากวิดีโอก็จะได้ความละเอียดภาพอยู่ที่ 24.7 ล้านพิกเซล โดยความสามารถในการถ่ายภาพของโกโปร 11 จะเห็นได้ว่าจอด้านหน้าของกล้องมีความกว้างมากพอ ที่จะเห็นภาพถ่ายของเราไม่ตกเฟรม ฟีเจอร์นี้เหมือนกับโกโปร 10 ซึ่งถือว่าเหมาะแก่การทำคอนเทนต์อย่างมาก บอกเลยว่าเหมาะกับสาย Vlog สุดๆ
ในรุ่นนี้มีระดับสีมาให้อยู่ที่ 10 bit ทำให้ระดับสีภายในภาพมีความสมูทมากยิ่งขึ้น แต่ฟีเจอร์นี้มีให้เลือกเฉพาะในโหมดวิดีโอเท่านั้น คุณสามารถครอบภาพจากวิดีโอได้ ความละเอียดของภาพจะอยู่ที่ 24.7 ล้านพิกเซล ถ้าหากต้องการถ่ายในที่แสงน้อย ควรเลือกใช้ Night Mode ระบบจะทำการตั้งค่าที่เหมาะสมมาให้อัตโนมัติ แต่ข้อควรระวังคือ เมื่อถ่ายในที่แสงน้อยหากเลือก ISO สูงจะเกิด Noise ทำให้ความคมชัดของภาพลดลง เพราะฉะนั้นควรปรับค่า ISO ให้อยู่ที่ประมาณ 1/60 หรือ 1/120
การใช้งาน เลนส์ Hyperview
ช่วงบ่ายพาทุกคนมาที่สวนป่าเบญจกิติ สวนสาธารณะแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านอโศก สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทุกวัย โดยบรรยากาศภายในสวนนั้นมีขนาดกว้างใหญ่ และดีไซน์ของสะพานที่เป็นจุดไฮไลท์ของสวนป่าเบญจกิติ จึงทำให้สวนสาธารณะแห่งนี้มีความน่าสนใจมากทีเดียว ทางเราจึงอดไม่ได้ที่จะเลือกเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการรีวิว GoPro 11
เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในสวนสาธารณะ เริ่มต้นเปิดการใช้งานฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดด้วยเลนส์ Hyperview เลนส์ภายในโหมดวิดีโอที่มีระดับความกว้างมากที่สุด จะเห็นได้ว่าเลนส์ชนิดนี้สามารถเก็บภาพมุมกว้างได้อย่างครบถ้วน ไม่มีตกหล่นหรือหลุดเฟรม ซึ่งทางเราได้ทำการถ่ายวิดีโอเพื่อเปรียบเทียบกับเลนส์ชนิดอื่นๆ อย่าง Superview, Wide และ Linear
ส่วนด้านเทคโนโลยีกันสั่นของรุ่นนี้เป็น HyperSmooth 5.0 ทดสอบโดยการวิ่ง สังเกตได้ว่าไม่เกิดการสั่นภายในภาพเลย เนื่องจากการถ่ายวิดีโอของโกโปร 11 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Horizon Lock ตัวช่วยล็อคมุมภาพให้อยู่ในแนวระนาบ แม้ว่าตัวกล้องจะขยับหรือหมุนในระดับ 360 องศา ภาพก็ยังคงสมูท และจับโฟกัสได้อย่างดีเยี่ยม!
การถ่าย Night mode
วิดีโอในโกโปร 11 ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่เป็นลูกเล่นเข้ามานั่นก็คือ โหมด Night Effect Time Lapse สามารถถ่ายวิดีโอ Star Trails, Light Painting และ Vehicle Light Trails โดยการรีวิวเราได้ทดลองเปิดใช้งาน 2 โหมด นั่นก็คือ Light Painting และ Vehicle Light Trails การใช้งานเข้าไปในหน้า Time Lapse จากนั้นเลือกเมนูด้านล่าง เมื่อเข้ามาแล้วจะมี Effect มากมาย พร้อมความละเอียดให้เลือกอยู่ที่ 4K และ 5.3K
วิดีโอที่เราได้ทำการถ่ายมานั้นใช้ความละเอียดอยู่ที่ 4K ซึ่งเป็นความละเอียดที่ถูกตั้งเป็นค่ามาตรฐานของ Night Mode เริ่มต้นการรีวิวด้วยโหมด Light Painting เป็นการถ่ายภาพที่ทำให้เกิดเส้นแสงของไฟ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ คือ แฟลชโทรศัพท์มือถือ เลือกใช้เลนส์ Linear เพราะต้องการโฟกัสแค่เส้นแสงไฟที่วาดขึ้น ปรากฏว่าภาพที่ได้เห็นเส้นแสงไฟอย่างชัดเจน
หลังจากที่ทดลองถ่าย Light Painting ในสวนเบญจกิติกันไปแล้ว มาต่อกันที่โหมด Vehicle Light Trails ที่สถานีรถไฟฟ้าอโศก เส้นทางสัญจรในย่านที่ผู้คนไม่เคยหลับใหล ตั้งค่า Setting การถ่ายแสงไฟรถ ให้เหมือนกับโหมดวาดเส้นแสงไฟ และเลือกใช้เลนส์ Wide เพื่อให้ได้มุมมองภาพที่กว้าง สามารถเก็บรายละเอียดได้เยอะขึ้น
พื้นฐานสำคัญของการใช้ Night Effect ทั้ง 2 โหมดนี้ คือ การตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ ในขณะถ่ายวิดีโอ ได้ทำการปรับ Shutter เป็น 0.5s และค่า ISO อยู่ที่ 100 ถ้าหากเปิดรูรับแสงมากจะทำให้ภาพสว่างจนเกินไป แต่ถ้าอยู่ในที่แสงน้อยมากสามารถปรับค่า Shutter และ ISO เพิ่มขึ้นได้ โดยอุปกรณ์เสริมที่เราใช้ในการถ่าย Night Mode ครั้งนี้คือ ไม้เซลฟี่ ปรับได้ 3 ระดับ ตัวช่วยที่ทำให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่
มาพูดถึงแบตเตอรี่ของ GoPro 11 กันบ้าง ก่อนที่โกโปร Hero 11 จะออก แบตเตอรี่ชนิดนี้มีการขายแยกต่างหากอยู่แล้ว ซึ่งแบตเตอรี่ชนิดนี้มีความจุเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ของ โกโปร 10 และ โกโปร 9 แต่ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความทนทานต่อสภาพอากาศหนาวจัดและอากาศร้อนจัดได้ดีกว่าแบตเตอรี่รุ่นดั่งเดิม
เพราะถ้าหากเกิดอากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด จะทำให้แบตเตอรี่เก็บไฟได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าเป็น Enduro Battery หมดกังวลเรื่องนั้นไปได้เลย เพราะแบตเตอรี่รุ่นนี้มีการเคลือบประจุไฟที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ซึ่งใน GoPro 11 ก็จะแถมแบตเตอรี่รุ่นนี้มาด้วยโดยไม่ต้องซื้อแยก
วิธีการใช้งาน Gopro Quik App
การใช้งาน Quik app หรือแอปพลิเคชันที่จะช่วยให้การตัดต่อวิดีโอของคุณเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น คุณสามารถดาวน์โหลด Ouik app ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทั้งระบบ IOS และ Android โดยแอปพลิเคชันนี้นอกจากตัดต่อวิดีโอได้แล้ว คุณยังสามารถซิงค์รูปภาพ และวิดีโอจากกล้องโกโปรได้ทันที สำหรับใครที่เป็นมือใหม่สามารถดูวิธีการเชื่อมต่อโกโปรกับแอปพลิเคชันได้ดังนี้
- ดาวน์โหลด Quik app สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งใน App Store หรือ Google Play Store
- ตั้งค่าเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนกล้องโกโปร ปัดหน้าจอโกโปรเพื่อทำการเปิดเมนู > กดเลือก Connections > กดเลือก Wireless Connections > เลือก On จากนั้นไปที่ Connect Device > เลือก GoPro App
- ตั้งค่าเชื่อมต่อบนโทรศัพท์มือถือ ก่อนอื่นเลย ให้ทำการเปิด Bluetooth และ WiFi > เข้าไปที่ Quik app > แล้วกดเลือก Add Camera > เลือก Connect Camera ซึ่งเราสามารถตั้งชื่อให้กับโกโปรได้ทั้งภาษาอังกฤษ และตัวเลข ด้วยการใช้ 8 ตัวอักษรขึ้นไป > จากนั้นให้กดคำว่า Let’s Go และกดตกลงร่วมเครือข่าย WiFi เพียงเท่านี้ก็สามารถเชื่อมต่อโกโปรกับมือถือของคุณได้เรียบร้อย
สรุป GoPro 11 รีวิว เป็นอย่างไร?
หลังจากที่ได้ทำการรีวิวกล้อง GoPro 11 ทำให้เห็นว่าคุณภาพของกล้องพัฒนาขึ้นจริงๆ แม้ว่าดีไซน์ภายนอกจะเหมือนกับรุ่น GoPro 10 แต่ความสามารถของฟีเจอร์ต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามาเรียกได้ว่าเซอร์ไพร์สมากทีเดียว ทั้งในเรื่องความละเอียดของไฟล์ภาพ และวิดีโอ ระบบ Hypersmooth 5.0 และโหมด Horizon Lock 360 องศา ก็จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก!
การทดลองวิ่ง และถ่ายวิดีโอในสวนสาธารณะแบบหมุนกล้อง 360 องศา จะเห็นได้ว่าระหว่างจับภาพวิดีโอยังคงนิ่ง และเคลื่อนที่ในแนวระนาบโดยไม่เกิดการสั่นไหว ทำให้การเล่าเรื่องผ่านวิดีโอดูสมูทมากยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงหน้าฝน ทำให้สีสันของภาพถ่ายไม่สดใส แต่หากเปิดการใช้งาน 10 bit ไฟล์ที่ได้จากโกโปร 11 สามารถทำการดึงสีให้สดขึ้นได้ เมื่อลองปรับสีของภาพจะเห็นได้ว่าสีในภาพไม่ช้ำ ไม่แตก และสามารถปรับได้มากกว่าไฟล์ภาพที่เป็น 8 bit
ส่วนเรื่องความทนทานของ Enduro Battery หลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน พบว่ามีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีขึ้นจริง แต่เรื่องความอึดของแบตเตอรี่โดยส่วนตัวคิดว่าขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากใช้งานตลอดเวลาก็หมดเร็วได้เช่นเดียวกับโกโปรรุ่นอื่นๆ แนะนำว่าควรตั้งค่าจอแสดงผลด้านหน้าแบบปิด จะช่วยประหยัดแบตโกโปรของคุณให้อยู่ได้นานขึ้น
โดยรวมแล้วหากใครที่กำลังมองหากล้อง Action Camera แบบครบครัน บอกเลยว่า GoPro 11 ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน ทั้งรูปร่างและขนาดที่กระชับ มีน้ำหนักเบา คุณสามารถบันทึกทุกการเดินทางให้สนุกได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ติดตามข้อมูล GoPro 11 ได้ที่ Aquapro
สำหรับทริปการเดินทาง 1 วัน กับ GoPro 11 รีวิว ในครั้งนี้ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่คุณ ถ้าหากใครที่กำลังมองหากล้องขนาดพกพา สามารถตอบโจทย์เรื่องการท่องเที่ยว หรือถ่าย Vlog ต้องห้ามพลาดกับโกโปร 11! ในซีซั่นนี้ทางโกโปรจะปล่อยรุ่นไหนออกมาอีกบ้าง ติดตามข้อมูลได้ที่ Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสำหรับแนะนำเทคนิคการใช้งานเพิ่มเติม พร้อมเคล็ดลับต่างๆ ที่สาวกโกโปรห้ามพลาด!
ติดตาม และ สั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ๆ ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro