แกะกล่อง Gopro 11 รีวิวการกลับมาอีกครั้งของกล้อง Action Camera มากความสามารถ ทางโกโปรได้ปล่อยวิดีโอเปิดตัวในวันที่ 14 กันยายน 2565 และเปิดตัววางจำหน่ายเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ในครั้งนี้ทางโกโปร 11 กลับมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “The most powerful” หรือ ความทรงพลัง ถ้าถามถึงเรื่องของรูปทรงไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนเท่าไหร่ เพราะรุ่นนี้เน้นพัฒนาที่ระบบภายในให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับราคาเปิดตัวอยู่ที่ 18,500 บาท และถ้าหากใครอยากรู้ว่าโกโปรรุ่นนี้จะมีอะไรใหม่ๆ บ้าง ไปทำการ แกะกล่อง Gopro 11 พร้อมๆ กันกับ Aquapro ได้เลย!
กล่องจริงเป็นอย่างไร?
เริ่มต้นการรีวิวเรามาดูกันที่แพ็กเกจกันก่อนเลย โกโปรรุ่นนี้มีแพ็กเกจภายนอกคล้ายๆ กับรุ่นโกโปร 10 ที่มาในรูปแบบกล่องทรงสูงสีดำ ด้านหน้ากล่องมีตัวเลข 11 โดดเด่น ประกอบด้วยรูปกล้องโกโปร และ ตัวหนังสือสีฟ้าที่เป็นลายกราฟิกด้านหลัง ส่วนรายละเอียดข้างกล่องเป็นการเขียนบอกสเปคคร่าวๆ ของกล้อง GoPro 11 โดยรวมแล้วในส่วนของแพ็กเกจไม่ได้มีความแตกต่างจากเดิมมากนัก และยังคงมาในรูปแบบที่เรียบง่าย มีกลิ่นอายความเท่นิดๆ ตามสไตล์ของโกโปร เรียกได้ว่าน่าสนใจมากทีเดียว
ตัวกล่องให้อะไรมาบ้าง
หลังจากที่พูดถึงแพ็กเกจไปแล้ว มาต่อกันที่สินค้าภายในกล่องกันดีกว่า เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับกระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมสีดำ ที่ภายในบรรจุตัวกล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริมเอาไว้มากมาย ซึ่งอุปกรณ์ภายในกระเป๋าสีดำมีดังนี้
- กล้อง GoPro Hero 11 Black
- สายชาร์จแบตเตอรี่ – เป็นสายชาร์จ USB Type – C
- แบตเตอรี่ – แบตเตอรี่ Enduro 1 ก้อน
- ฐานรองกล้อง (Base) – ใช้สำหรับยึดกล้องเข้ากับสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นขาตั้งกล้อง หรือ สิ่งของอื่นๆ
- ตัวยึดกล้อง (Mount) – ตัวเชื่อมต่อระหว่างตัวกล้องกับฐานรองกล้อง มีแบบเรียบ และ แบบโค้ง
- สกรู (Screw) – ใช้สำหรับยึดตัวกล้อง GoPro กับสิ่งของ เพื่อทำให้สามารถยึดได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
- คู่มือ และ ใบรับประกัน
- สติ๊กเกอร์ GoPro
โดยรวมแล้วไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย ด้านตัวกล่องยังคงใช้เป็นกล่องผ้าที่สามารถเก็บรักษากล้อง และ อุปกรณ์ต่างๆ ไว้ในกล่องเดียว
ตัว Body กล้องเป็นอย่างไร? เหมือนเดิมไหม?
เมื่อทำการ แกะกล่อง Gopro 11 แล้วเปิดกระเป๋ากล้องออกมาพบว่า ตัวกล้องรูปร่างไม่แตกต่างจากเดิม ยังคงมีขนาด 7 x 3.2 x 4.7 เซนติเมตร และมีน้ำหนัก 154 กรัม เท่ารุ่นที่ 10 โลโก้บนตัวกล้องยังคงเป็นสีฟ้า และมีขนาดของหน้าจอแสดงผลที่เท่ากัน มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Enduro 1 ก้อน ที่เปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นสีขาว และคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจของแบตเตอรี่รุ่นนี้ คือ มีการเคลือบที่ดีกว่าจึงทำให้มีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และ สามารถอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
ที่สำคัญมี Max Lens Mod ติดมากับตัวกล้อง แต่สามารถถอดออกได้ คุณสมบัติของเลนส์ชนิดนี้จะช่วยป้องกันภาพสั่นไหว ทำให้ภาพที่ได้นิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มมุมมองภาพให้กว้างมากกว่าเลนส์ปกติ ส่วนอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ อย่างเช่น สายชาร์จแบตเตอรี่ ฐานรองกล้อง ตัวยึดกล้อง สกรู รวมถึงเคสกันน้ำ ก็ยังคงสามารถใช้งานร่วมกันได้
A : ใช้ Interface แล้วเป็นยังไง? เร็วขึ้นไหม?
Q : ใน GoPro 11 รุ่นนี้พบว่าการทำงานของ Interface แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ Easy Mode และ Pro Mode แต่ละโหมดมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป โดย Easy Mode ระบบกล้องจะจัดโหมด Setting ที่ดีที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์ ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่วน Pro Mode คุณจะได้สัมผัสทุกฟีเจอร์ พร้อมการทำงานอย่างเต็มรูปแบบของโกโปร Hero 11 พร้อมสร้างสรรค์ภาพถ่ายและวิดีโอของคุณอย่างมีคุณภาพ
ส่วนการทำงานของ Interface บนหน้าจอสองจอ ด้านหน้าและหลังมีการแสดงผลชัดเจน ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ส่วนระบบการทำงานของ Touch screen และการประมวลผลที่รวดเร็วพอๆ กับ GoPro 10
ตัวอุปกรณ์ ใช้กับอุปกรณ์ Gopro 10 ได้ไหม?
เมื่อได้ทดลองใช้แล้ว ปรากฎว่าอุปกรณ์ต่างๆ ของ GoPro 11 สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกับ GoPro 10 ได้ เพราะมีดีไซน์ที่เหมือนกัน อย่างที่บอกไปว่าในปีนี้ทางโกโปรเน้นพัฒนาในเรื่องของคุณภาพภายใน จึงทำให้รูปทรงภายนอกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และ ถ้าหากใครมีกล้อง GoPro 10 อยู่แล้วก็สามารถนำอุปกรณ์มาใช้ร่วมกันได้เลย ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ เลนส์ Hydrophobic Glass รวมถึงอุปกรณ์เสริมชิ้นอื่นๆ อย่างเช่น ไม้เซลฟี่ Mounting Buckle และ Light Mod ก็สามารถใช้ร่วมกันได้
สเปคคร่าวๆ ที่น่าสนใจของGoPro 11
หลังจากที่ได้ทำการ unbox GoPro 11 พบว่าสเปคของตัวกล้องมีความน่าสนใจอยู่หลายจุดด้วยกัน และสำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ โกโปร 11 ว่าจะมีการพัฒนาไปในทิศทางไหน หรือ มีอะไรใหม่ๆ บ้าง? วันนี้ทาง Aquapro ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสเปคคร่าวๆ ของโกโปร 11 มาไว้ในหัวข้อนี้แล้ว เรามาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันเลย!
- ถ่ายภาพนิ่งความละเอียด อยู่ที่ 27 ล้านพิกเซล (27 MP)
- ภาพถ่ายจากวิดีโอความละเอียด อยู่ที่ 24.7 ล้านพิกเซล (24.7 MP)
- เน้นภาพแนวตั้ง 8:7 มีคุณภาพสูง สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย
- ถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 5K 60FPS และ 4K 120FPS
- ภาพถ่าย และ วิดีโอ มีความสดของสี อยู่ที่ 10 bit หรือเทียบเท่า 1 พันล้านเฉดสี
- ถ่ายกลางคืนด้วยโหมด Improve Auto Exposure ตัวช่วยเพิ่มความสว่างแม้อยู่ในที่แสงน้อย
- TimeWarp และ TimeLapse ความละเอียดอยู่ที่ 5K 30FPS
- HyperSmooth 5.0 พร้อมโหมด Auto Boost
- Horizon Leveling Mode 360 องศา
เชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ของGoPro รุ่นที่ 11 นี้ จะสร้างความน่าสนใจให้กับสาวกกล้องโกโปรได้ดีทีเดียว เพราะถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยน คือ เรื่องของระบบภายในที่พัฒนายิ่งขึ้น! นอกจากคุณสมบัติที่เราได้กล่าวมานั้น ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมายที่ทาง GoPro Hero 11 Black สามารถทำได้เหมือนกับรุ่นก่อน อย่างเช่น ความสามารถในการกันน้ำ โหมดถ่ายภาพ รวมถึง Night Effect ต่างๆ อย่างเช่น โหมด Star Trail Light Painting และ Vehicle Light Trail ที่ยังคงเป็นลูกเล่นช่วยเพิ่มให้การใช้โกโปรของคุณสนุกมากยิ่งขึ้น
ติดตามรีวิวหลังอัพเกรดเฟิร์มแวร์ ได้ที่ Aquapro
วันนี้ทาง Aquapro มีทริคดีๆ มาฝากมือใหม่โกโปรทุกคน ถ้าหากคุณต้องการเชื่อมต่อ GoPro ไปยัง Smartphone เพื่ออัพเกรดเฟิร์มแวร์ หรือ ดาวน์โหลดรูปภาพ และ วิดีโอ เพียงเข้าไปที่ App store หรือ Google play store แล้วเลือก Quik App จากนั้นก็สามารถเข้าไปทำการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ได้ทันที
สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของ GoPro 11 ก่อนใคร เลือกเลย Aquapro แหล่งจำหน่ายกล้องโกโปร และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมอุปกรณ์เสริมมากมาย มีให้เลือกแบบครบวงจรต้องที่นี่เท่านั้น! ส่วน GoPro 11 หลังจากที่เราได้ทดลองใช้งานแล้ว คุณภาพของกล้องจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันต่อได้ที่รีวิวกล้องโกโปร 11 จะมีลูกเล่นอะไรใหม่ๆ บ้าง ต้องรอลุ้น!
ติดตาม และ สั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ๆ ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro