GoPro 11 vs GoPro 10 ในบทความนี้จะชวนทุกคนไปเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกล้องทั้ง 2 รุ่น ทั้งในเรื่องของ Body สเปคของเครื่อง ความสามารถของฟังก์ชัน รวมถึงราคาหลังจากที่เปิดตัวไปได้ไม่นาน แล้วความสามารถระหว่างโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีความโดดเด่น และ ตอบโจทย์การใช้งานในด้านใดบ้าง ? วันนี้ทาง Aquapro ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาให้ทุกคนแล้ว ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย!
คุณสมบัติ ระหว่าง GoPro 11 vs GoPro 10
ถ้าหากพูดถึงคุณสมบัติโดยรวมของโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้ อย่างที่รู้กันดีว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันในเรื่องของรูปทรงมากนัก แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของสเปคที่เพิ่มเข้ามาในGoPro 11 ทำให้มีคุณสมบัติบางอย่างที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของความละเอียดของไฟล์ภาพ และวิดีโอที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงระบบกันสั่นที่ดีกว่า
ที่สำคัญกล้องโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้ยังคงใช้ CPU ประมวลผล GP2 เช่นเดิม แต่ในโกโปร 11 จะมีขนาดเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่า ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มคุณภาพของไฟล์ให้สามารถปรับได้หลายระดับ ทั้งภาพในมุมกว้าง และ แนวตั้งไม่ทำให้เกิดปัญหาภาพหลุดเฟรม ที่สำคัญมีสีที่สด และคมชัดยิ่งขึ้น เพราะรุ่นนี้ทางโกโปร เน้นเรื่องสีสันของภาพที่สวยงาม และ สมจริง อยู่ที่ 10-bit color depth หรือ เทียบเท่า 1 พันล้านเฉดสีเลยทีเดียว!
ถึงแม้ว่าโกโปรรุ่นใหม่ๆ จะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่ทางโกโปรก็ยังคงเอกลักษณ์ให้สมกับการเป็นกล้อง Action Camera นั่นก็คือ มีรูปทรงกระชับ จับถนัดมือ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการบันทึกภาพระหว่างทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นสายท่องเที่ยวธรรมชาติ หรือ สายเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ก็สามารถพกพาไปได้ทุกที่
เปรียบเทียบกล้อง Gopro 10 vs Gopro 11
หลังจากที่ประกาศเปิดตัวไปได้ไม่นานกับGoPro Hero 11 Black เชื่อว่าหลายๆ คนคงเกิดคำถามในใจแน่นอนว่าระหว่าง GoPro 10 และ GoPro 11 จะเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? วันนี้ทาง Aquapro ได้ลิสต์ข้อมูลเกี่ยวกับ Body สเปค และ ฟังก์ชันต่างๆ ไว้ในหัวข้อนี้แล้ว รับรองว่าอ่านแล้วต้องเลือกรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างแน่นอน!
ดีไซน์ระหว่าง GoPro 10 และ GoPro 11
มาในส่วนของดีไซน์กันก่อนเลย ระหว่าง GoPro 10 vs GoPro 11 ในปีนี้ทางผู้พัฒนาโกโปรตั้งใจพัฒนาเรื่องของคุณภาพการใช้งานมากกว่าเรื่องของรูปทรง จึงทำให้ดีไซน์ภายนอกไม่มีความแตกต่าง ส่วนรูปทรงยังคงมีขนาดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ที่ 71.8×33.6×50.8 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนักอยู่ที่ 154 กรัม ด้านข้างของกล้องเป็นปุ่มเปิด/ปิด และเปลี่ยนโหมด ด้านบน คือ ปุ่มชัตเตอร์ ส่วนตัวเลข และ ฟอนต์ตัวหนังสือด้านข้างเปลี่ยนไปจาก GoPro 10 โดยรวมแล้วดีไซน์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก จึงทำให้สามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกับรุ่นที่ 10 ได้
เปรียบเทียบสเปค
- การถ่ายภาพ สำหรับกล้องโกโปร 11 นี้ มีความละเอียดการถ่ายภาพอยู่ที่ 27 ล้านพิกเซล (27 MP) รองรับไฟล์ RAW ส่วนโกโปร 10 อยู่ที่ 23 ล้านพิกเซล (23 MP) เท่านั้น
- การถ่ายวิดีโอ โกโปร 11 มีความละเอียดของวิดีโอสูงสุดอยู่ที่ 5K ที่ 60FPS พร้อมระบบ HyperSmooth 5.0 Horizon Lock ความพิเศษครั้งนี้ คือ สามารถปรับระดับสีได้ถึง 10-bit color depth ให้ความโดดเด่นด้านสีสันที่สวยงามยิ่งขึ้น! ส่วน โหมด Superview ความละเอียดอยู่ที่ 5.3K 60FPS และ 4K 120FPS และ 2.7K 240FPS
- ความละเอียดการครอบภาพ สำหรับโกโปร 11 ในกรณีที่ดึงรูปภาพมาจากวิดีโอจะมีความละเอียด อยู่ที่ 24.7 ล้านพิกเซล (24.7 MP) ถ้าวิดีโอมีความละเอียดสูง ความสามารถในการดึงรูปภาพก็จะได้คุณภาพที่สูงเช่นเดียวกัน ในขณะที่โกโปร 10 สามารถดึงภาพนิ่งจากวิดีโอความละเอียดสูงสุด อยู่ที่ 19.6 ล้านพิกเซล (19.6 MP) เท่านั้น
- มีสเกลภาพแนวตั้ง อยู่ที่ 8:7 รุ่น โกโปร 11 ได้เพิ่มฟีเจอร์พิเศษเข้ามา เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดีย หรือ ผู้ที่ชื่นชอบการถ่าย Vlog ด้วยการสร้างฟีเจอร์ถ่ายภาพ และ วิดีโอในขนาด 8:7 รองรับผู้ใช้งาน TikTok และ Instagram ซึ่งมีขนาดของภาพที่กว้างกว่า และ ได้คุณภาพของไฟล์ที่สูงกว่าการบันทึกจากโทรศัพท์ทั่วไป
- เพิ่มสี 10 bit ทางโกโปร 11 ในปีนี้ เน้นพัฒนาในเรื่องของสีสัน ความคมชัดของไฟล์ภาพ และ วิดีโอ อยู่ที่ 10-bit color depth หรือเทียบเท่า 1 พันล้านเฉดสี!
- ระบบกันสั่น HyperSmooth ในส่วนของระบบกันสั่น ทางด้านของGoPro 11 มีการอัพเกรดเวอร์ชั่น จาก HyperSmooth 4.0 เป็น 5.0 มาพร้อมกับระบบ Auto Boost ระบบจะประมวลผลความสั่นของสภาพแวดล้อมด้วย AI หากเกิดการสั่นจะทำงานโดยการครอบภาพทันที และภาพที่ได้ก็จะมีคุณภาพสูงเช่นกัน
ถ้าหากใครได้ลองใช้ฟีเจอร์ Horizon leveling ควบคู่ไปด้วยละก็ ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการถ่ายวิดีโอของคุณได้ดียิ่งขึ้น โกโปร 10 จะอยู่ที่ 170 องศา แต่มาในรุ่นนี้เพิ่มเป็น 360 องศา! ตัวช่วยลดการสั่นไหว และ ป้องกันการเอียง ทำให้การถ่ายวิดีโอของคุณออกมาสมูทมากยิ่งขึ้น
- Improve Auto Exposure โหมดเพิ่มความสว่างอัตโนมัติ โดยปกติแล้วโกโปร 10 จะมีเพียง Auto Exposure แต่ในรุ่นนี้ได้พัฒนาระบบให้กลายมาเป็น Improve Auto Exposure ถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่แสงน้อย ก็สามารถถ่ายภาพหรือวิดีโอให้ออกมาสวยได้
- Timewarp และ Time Lapse การถ่ายวิดีโอทั้ง 2 โหมดนี้ เป็นลูกเล่นที่ช่วยให้การใช้งานโกโปรสนุกมากยิ่งขึ้น ในโกโปร 10 มีความละเอียดยู่ที่ 4K 60FPS ส่วนโกโปร 11 มีความละเอียดอยู่ที่ 5.3K 60FPS ถือว่ามีความละเอียดเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดถึง 91%
- กันน้ำได้ลึก 10 เมตร ความสามารถของโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถกันน้ำได้ลึกสูงสุด 10 เมตร แต่ถ้าหากถอดเลนส์กล้องจะสามารถกันน้ำได้ 5 เมตร
ฟังก์ชันการใช้งาน
มาถึงในส่วนฟังก์ชันการใช้งานของโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้ ถือว่ามีความใกล้เคียงกันมาก แต่ก็ยังมีความแตกต่างอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งจะมีอะไรที่เหมือน และ แตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้บ้างไปดูกัน!
- เลนส์ถ่ายภาพนิ่ง และ วิดีโอ ในเรื่องของเลนส์กล้องโกโปร 10 สามารถเลือกได้ 4 ระยะ นั่นก็คือ Superview, Wide, Linear และ Narrow แต่ในปีนี้ทางโกโปร 11 ได้ตัดเลนส์ระยะ Narrow ออก แต่เพิ่มเลนส์ Hyperview เข้ามาแทนที่ โดยมีคุณสมบัติ คือ สามารถเก็บภาพในมุมมองที่กว้างกว่าเลนส์ Superview
- Night Effect Time Lapse Night Mode ของโกโปร 11 ที่เพิ่มเข้ามาคือ Star Trail, Light Painting และ Vehicle Light Trail สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 5.3K60fps และ 4K120fps
- แบตเตอรี่ หากพูดถึงแบตเตอรี่ของกล้องโกโปรทั้ง 2 รุ่นนี้ มีความจุอยู่ที่ 1720 mAh และ มีขนาดเท่ากัน สามารถใช้งานร่วมกันได้ แต่แบตเตอรี่ของโกโปร 11 เป็นสีขาว มีการเคลือบที่ดี ทนต่อสภาพอากาศ และ สามารถใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
นอกจากนี้หากต้องการเชื่อมต่อกับ Smartphone ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นโกโปรรุ่นไหนๆ เพียงดาวน์โหลด Quik App ก็สามารถเชื่อมต่อได้ทันที ยิ่งโกโปร 11 ที่มาพร้อมกับระบบการใช้งานที่ User Friendly ไม่ว่าจะดาวน์โหลดรูปภาพ วิดีโอ หรือ อัพเกรดเฟิร์มแวร์ รับรองเลยว่าสะดวกทุกการใช้งานอย่างแน่นอน
ราคาเปิตตัวของทั้ง 2 รุ่น
มาต่อกันที่เรื่องของราคาเปิดตัว GoPro Hero 11 Black หากเปรียบเทียบราคาเปิดตัวของทั้ง 2 รุ่นนี้ ถือว่าอยู่ในเรทราคาที่ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ อย่างGoPro Hero 10 Black ราคาเปิดตัววางจำหน่ายในไทยอยู่ที่ 16,500 บาท ส่วนGoPro 11 ราคาเปิดตัววางจำหน่ายในไทยจะอยู่ที่ 18,500 บาท จะเห็นได้ว่ามีราคาสูงกว่ารุ่นที่ 10 อยู่ 2,000 บาทเท่านั้น ถ้าหากเทียบกับสเปคที่ได้จากGoPro 11 ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว
สรุปตัวไหนคุ้ม ตัวไหนน่าซื้อ
หลังจากที่ได้ทำการเปรียบเทียบโกโปรทั้ง 2 รุ่นแล้ว มีคุณสมบัติที่โดดเด่นใกล้เคียงกันทั้งคู่ สำหรับใครที่มี GoPro Hero 10 Black อยู่แล้วแนะนำว่ายังไม่ต้องเปลี่ยน เพราะความสามารถในการถ่ายภาพ และ การถ่ายวิดีโอของทั้ง 2 รุ่นนี้ใกล้เคียงกัน
สำหรับใครที่ยังไม่มี GoPro Hero 10 Black แนะนำให้เลือกซื้อ GoPro Hero 11 Black ไปเลย เพราะรุ่นใหม่นี้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของความละเอียด ด้านการถ่ายภาพ และ การถ่ายวิดีโอที่สูงขึ้น มาพร้อมกับสีสันของภาพที่สวยงามขึ้นถึง 10-bit color depth อีกทั้งยังสามารถกันสั่นได้ถึง 5.0 มีระบบการทำงานที่เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
เลือกซื้อ GoPro 11 พร้อมโปรโมชั่นดีๆ ต้องที่ Aquapro
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง GoPro 11 vs GoPro 10 หากใครที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อกล้องโกโปรอยู่ละก็! ขอแนะนำ Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์มากมาย นอกจากนี้ทางเรายังมีข่าวสารดีๆ เกี่ยวกับกล้องโกโปรมาอัปเดตอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากคุณติดตาม Aquapro รับรองว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน!
ติดตาม และ สั่งซื้อสินค้า AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ๆ ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro